ตาเหลืองเป็นอาการที่หลายคนอาจสงสัยว่าเกิดจากอะไร และเป็นสัญญาณเตือนของโรคใดบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ ตับอักเสบ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการตาเหลือง การเข้าใจสาเหตุและอาการของโรคนี้จะช่วยให้เรารับมือและป้องกันได้อย่างถูกวิธี
ตาเหลืองเกิดจากอะไร อาการตาเหลืองหรือที่เรียกว่าภาวะดีซ่าน (Jaundice) เกิดจากการสะสมของสารบิลิรูบิน (bilirubin) ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานผิดปกติของตับ ทำให้สารนี้ไม่สามารถถูกขจัดออกจากร่างกายได้อย่างปกติ ส่งผลให้ผิวหนังและตาขาวกลายเป็นสีเหลือง

สาเหตุของตาเหลืองและโรคตับอักเสบ ตับอักเสบ (Hepatitis) เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อตับ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคนี้ ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis Virus) เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของตับอักเสบและภาวะดีซ่าน โดยมีหลายชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบเอ (HAV) ไวรัสตับอักเสบบี (HBV) ไวรัสตับอักเสบซี (HCV) ไวรัสตับอักเสบดี (HDV) ไวรัสตับอักเสบเอฟ (HEV)
ไวรัสเหล่านี้สามารถแพร่กระจายผ่านทางอาหาร น้ำดื่ม การสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่ง รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ โรคตับอื่น ๆ - เช่น ตับแข็ง ตับวาย หรือความผิดปกติของทางเดินน้ำดี ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะดีซ่านเช่นกัน - ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น ๆ เช่น โรคโลหิตจาง โรคตับอ่อนอักเสบ หรือภาวะที่มีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงอย่างรุนแรง
อาการของตาเหลืองและตับอักเสบ ๐ ตาขาวและผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ๐ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ ๐ ปวดท้องบริเวณตับ ๐ มีกลิ่นตัวผิดปกติ ๐ ปัสสาวะสีเข้มและอุจจาระสีอ่อน
วิธีป้องกันและดูแลตัวเอง รักษาความสะอาดและสุขอนามัย ส่วนใหญ่ของไวรัสตับอักเสบสามารถป้องกันได้ด้วยการล้างมืออย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีและเอ (สำหรับบางชนิด) ตรวจสุขภาพเป็นประจำ และรีบพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ
ตาเหลืองเกิดจากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่พบบ่อยและรุนแรงที่สุดคือ ไวรัสตับอักเสบ ซึ่งเป็นโรคที่ควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษ หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตับวายหรือมะเร็งตับได้ การรู้จักสาเหตุและอาการของตับอักเสบ รวมถึงการป้องกันอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เข้าชม : 2
|